จะจัดงานบวชทั้งที ถ้าไม่มี เสื้อทีม ก็เหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง สำหรับผมแล้ว งานบวชไม่ใช่แค่งานบุญธรรมดา แต่คือวันสำคัญที่หลายคนรวมตัวกันทั้งครอบครัวและเพื่อนฝูง มันมีทั้งความสุข ความเฮฮา และความศักดิ์สิทธิ์ผสมกันอยู่ในวันเดียว เสื้อที่ใส่ในงานเลยไม่ใช่แค่เสื้อธรรมดา มันคือสัญลักษณ์ของความพร้อมเพรียง ความรัก และการแสดงออกถึงตัวตนของเจ้าภาพหรือเจ้าภาพร่วมที่อยากให้คนในงานรู้สึกพิเศษและเป็นส่วนหนึ่งของวันสำคัญนี้ด้วยกัน เสื้อสกรีนจึงเป็นตัวช่วยที่ทำให้งานดูดีแบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นลายตลกแบบวัยรุ่น ๆ ลายเท่ ๆ แบบพี่ ๆ วัยทำงาน หรือแนวเรียบร้อยอบอุ่นแบบผู้ใหญ่ ใส่แล้วถ่ายรูปหมู่ก็ดูดีเป็นทีม มีความหมาย มีสไตล์ และยังเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้อีกด้วย แต่จุดที่หลายคนมักมองข้าม ก็คือ “จะสกรีนแบบไหนดีให้เหมาะกับงานบวช?” เพราะทุกวันนี้มันมีวิธีสกรีนเสื้อหลายแบบมาก ถ้าเลือกผิด ทั้งเสียตังค์ เสียเวลา แถมเสื้อยังไม่ทน ลายจาง สีเพี้ยน หรือใส่ไม่สบายอีกต่างหาก เพราะงั้นก่อนจะสั่งผลิตเสื้อ เรามาทำความรู้จักกับวิธีการสกรีนแต่ละแบบกันดีกว่า แล้วค่อยไปต่อกันว่าแบบไหนถึงจะเหมาะกับงานบวชจริง ๆ

รู้จักเทคนิคสกรีนเสื้อแบบต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจ

ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันวงการ สกรีนเสื้อ เติบโตไปไกลพอสมควร เทคนิคการพิมพ์ที่ใช้กันอยู่ในตลาดตอนนี้มีตั้งแต่แบบดั้งเดิมไปจนถึงระบบดิจิทัลสุดล้ำ แต่ละแบบก็มีความต่างในเรื่องราคา ความคงทน สีสัน และความเหมาะสมกับงานที่ใช้ ซึ่งในงานบวชที่มีความเป็นทั้งทางการและไม่ทางการในเวลาเดียวกัน การเลือกเทคนิคสกรีนจึงต้องอิงกับทั้งงบ ความสวยงาม และจำนวนเสื้อที่ต้องใช้

วิธีที่คลาสสิกที่สุดก็คือ การสกรีนบล็อก (Silkscreen) นี่คือวิธีที่เราเห็นกันบ่อยตามเสื้อทีม เสื้อกิจกรรมต่าง ๆ ข้อดีของมันคือราคาต่อชิ้นถูกมากเมื่อผลิตจำนวนมาก สีติดทนนาน และสามารถเลือกหมึกพิเศษได้ เช่น หมึกสะท้อนแสง หมึกนูน หรือแม้แต่หมึกเรืองแสงในที่มืด ใส่งานบวชกลางวันก็สวย กลางคืนก็เก๋ แต่ข้อจำกัดของมันคือ ถ้าลายที่ต้องการมีหลายสีหรือซับซ้อน จะต้องทำบล็อกหลายบล็อก ทำให้ค่าใช้จ่ายตั้งต้นสูง และไม่เหมาะกับการสั่งจำนวนน้อย

ต่อมาก็จะเป็น การพิมพ์ดิจิทัล (Direct to Garment หรือ DTG) เป็นการใช้เครื่องพิมพ์ยิงหมึกลงบนผ้าโดยตรง ข้อดีคือพิมพ์ได้ละเอียด เหมาะกับลายซับซ้อน เช่น ภาพถ่าย การ์ตูน หรือข้อความแนวศิลป์ ใครอยากใส่เสื้อที่มีหน้าพระเอกตัวเองหรือรูปภาพครอบครัวในงานบวชแบบจัดเต็ม นี่แหละเหมาะสุด แต่ก็ต้องเลือกผ้าดี ๆ เช่น ผ้าฝ้ายคอมแบดเพราะจะช่วยให้สีติดแน่น

อีกตัวที่มาแรงคือ การพิมพ์ซับลิเมชั่น (Sublimation Printing) อันนี้หมึกจะระเหิดเข้าสู่เนื้อผ้า ทำให้ลายไม่หลุดไม่ลอกแม้ซักร้อยรอบก็ยังอยู่ครบ แต่ข้อจำกัดคือใช้ได้กับผ้าสีอ่อนเท่านั้น และต้องเป็นผ้าชนิดโพลีเอสเตอร์ ถ้าคนจัดงานบวชเน้นเสื้อเบา แห้งไว สีชัด แบบไม่ซีเรียสเรื่องผ้า ก็ถือว่าดีเลย

และอีกแบบที่ใช้กันเยอะคือ การใช้ฟิล์ม (Heat Transfer) หรือการรีดลายด้วยความร้อน ข้อดีคือสามารถทำลายซับซ้อนได้เหมือนพิมพ์ดิจิทัล เหมาะกับงานด่วน ผลิตจำนวนน้อย หรืออยากทดลองแบบหลายลาย แต่ข้อเสียคือฟิล์มอาจลอกง่ายเมื่อซักบ่อย และลายจะไม่ค่อยเนียนเหมือนสกรีนจริง ๆ

สกรีนเสื้องานบวชเลือกสกรีนแบบไหนดีให้เหมาะกับงาน ?

ถ้าจะให้ผมตอบตรง ๆ แบบคนเคยจัดงานบวชของตัวเองมาแล้วนะ ผมจะตอบว่า “ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณให้ความสำคัญเป็นหลัก” ลองตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่า งานของคุณต้องการเสื้อแบบไหน ต้องการแบบดูเรียบหรูหรือสนุกสนาน? งบต่อเสื้ออยู่ที่เท่าไหร่? คนใส่ส่วนใหญ่เป็นวัยไหน? แล้วต้องการเก็บไว้เป็นที่ระลึกหรือใส่แค่วันเดียวแล้วจบ? คำถามพวกนี้จะช่วยให้เราคัดเลือกวิธีสกรีนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนที่จัดงานใหญ่ แขกเยอะ และต้องการเสื้อที่ทน ใช้ซ้ำได้ มีลายเรียบง่ายแต่เท่ ผมแนะนำสกรีนบล็อกเลยครับ เพราะพอสั่งเยอะแล้วต้นทุนเฉลี่ยต่อชิ้นจะถูกมาก แถมยังสามารถเลือกหมึกให้เข้ากับธีมงานได้ เช่น ถ้างานคุณเน้นสีทองกับขาวก็เลือกหมึกสีทองแบบเมทัลลิก เท่นะบอกเลย ถ้าเลือกโรงงานดี ๆ ลายจะเนียนเหมือนเสื้อแบรนด์เลยล่ะแต่ถ้าใครอยากได้ลายสวย ๆ ซับซ้อน มีหน้าคน มีลายศิลปะ หรือมีข้อความแบบกราฟิกเยอะ ๆ แล้วสั่งไม่เยอะมาก DTG จะตอบโจทย์ที่สุด เพราะไม่มีค่าบล็อก จะพิมพ์แค่ 10-20 ตัวก็ทำได้โดยที่ลายยังชัดและมืออาชีพ

ในกรณีที่คุณอยากได้เสื้อบาง ใส่สบาย เน้นถ่ายรูปให้สวย เสื้อดูพรีเมียมเวลาอยู่บนตัว ฟิตกับคนรุ่นใหม่ ผมก็แนะนำพิมพ์ซับลิเมชั่นไปเลย แต่ต้องรับได้เรื่องเนื้อผ้าที่จะเป็นผ้าโพลีเอสเตอร์ ซึ่งอาจไม่ใช่แนวสำหรับคนสูงวัยเท่าไหร่ส่วนแบบใช้ฟิล์ม เหมาะกับสายประหยัดหรือคนที่ต้องการความเร่งด่วนที่สุด เช่น งานจะมีพรุ่งนี้แล้วพึ่งคิดได้ว่าอยากมีเสื้อ แบบนี้สั่งใช้ฟิล์มก็ยังไหว แต่ต้องเลือกฟิล์มคุณภาพดี ไม่งั้นซักไม่กี่รอบก็ลอกหมด

การเลือกเนื้อผ้าให้เหมาะกับงานบวชก็สำคัญไม่แพ้เทคนิคสกรีน

หลายคนมักจะเลือกแค่ลายสวย สีดี แต่ลืมไปว่าเสื้อที่ใส่ทั้งวันในงานบวชนั้นจะต้อง “ใส่สบาย” ด้วยนะครับ โดยเฉพาะถ้าจัดงานกลางแจ้ง หรือเดินขบวนรอบโบสถ์ บางคนใส่เช้าจรดเย็น เหงื่อไหลเป็นน้ำ ถ้าเสื้อร้อน อึดอัด หรือหนาเกินไป ไม่ใช่แค่ไม่สบายตัว แต่คนใส่จะหงุดหงิด ส่งผลกับบรรยากาศงานไปด้วย

ผ้าที่เหมาะกับงานบวชมากที่สุดสำหรับผมคือผ้าฝ้าย 100% หรือผ้าฝ้ายคอมแบด เพราะระบายอากาศดี นุ่ม ใส่แล้วดูดี แม้ผ่านกล้องก็ยังไม่ดูหนาเทอะทะ ผ้าประเภท TC (ผสมโพลีเอสเตอร์) ก็พอใช้ได้ ราคาประหยัด แต่จะระบายอากาศน้อยกว่าฝ้ายแท้ ส่วนใครจะใช้ผ้าโพลีเอสเตอร์ก็ได้ถ้าต้องการเน้นลายสวย หรือจะทำเสื้อแบบกีฬา ใส่แล้วแห้งไว ไม่อมเหงื่อ ก็แล้วแต่สไตล์ของงานผมแนะนำว่า ถ้ามีงบให้เลือกผ้าดีไว้ก่อน แล้วค่อยเลือกวิธีสกรีนตาม เพราะผ้าดีทำให้เสื้อดูมีราคาขึ้นอีกหลายเท่า

เลือกโรงงานสกรีนเสื้อยังไงให้ได้งานดี คุ้มราคา

อีกจุดที่คนมักพลาดคือการเลือกผู้สกรีนเสื้อ เพราะคิดว่า เสื้อสกรีน เหมือนกันหมด แต่จริง ๆ แล้วงานพิมพ์ไม่เหมือนกันเลย บางร้านทำบล็อกพิมพ์ไม่คม บางร้านใช้หมึกถูกจนลายลอกตั้งแต่ซักครั้งแรก หรือบางร้านก็ส่งของไม่ตรงเวลา ใครเคยโดนเลื่อนงานเพราะเสื้อยังไม่มาส่งจะเข้าใจความเจ็บปวดตรงนี้ดีมากผมแนะนำให้เลือกโรงงานที่มีรีวิวดี มีผลงานให้ดู หรือมีตัวอย่างให้ลองจับจริง ยิ่งถ้าได้คุยกับโรงงานก่อนสั่ง จะยิ่งดีเพราะเขาจะช่วยแนะนำสิ่งที่เหมาะสมกับงบและไอเดียของเรา ถ้าไม่แน่ใจเรื่องแบบ ก็ควรขอตัวอย่างพิมพ์มาดูก่อน หรือขอตัวอย่างเสื้อจริงเลยก็ได้ ดีกว่ารับมาทั้งล็อตแล้วพึ่งรู้ว่า “ลายเพี้ยนจากที่ส่งไป”อย่าลืมเช็คระยะเวลาการผลิตให้ชัดเจนด้วยนะครับ งานบวชส่วนมากมีกำหนดการตายตัว เลื่อนไม่ได้ เสื้อก็ต้องมาทันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ปรึกษามืออาชืพ  สกรีนเสื้อ  https://ho-shi.com/t-shirt-printing/